ทักทายกัน....ประสาพี่น้อง
ผลการสอบ O-NET ของเด็กๆ
ถือเป็นกระจกเงาอย่างดีที่สะท้อนการทำงานของครูเรา หากมองในแง่ของการพัฒนาเราจะพบว่ามีความท้าทายรออยู่และยังมีหลายอย่างที่จะต้องทำเพื่อพัฒนาเด็กๆ ของเราต่อไป
รร.รัฐราษฎร์พัฒนา มีคะแนนเฉลี่ย O-NET (ป.6)
43.71 อยู่อันดับ 2 ของเครือข่าย อันดับ 3 ของอำเภอและอันดับ 76 ของ สพป.สร.3 ต้องขอบคุณคณะครูที่ตั้งใจสอนอย่างเต็มที่และขอบใจนักเรียนที่ทำหน้าที่ของตนอย่างดี
เวียนมาครบปีที่สามแล้วครับ สำหรับวารสารของเรา รบกวนสายตาท่านมาทุกเดือน
ผลาญงบหลวงไปก็ไม่น้อย ได้แต่คิดเข้าข้างตัวเองว่าทำงานเพื่อให้เกิดงาน ครับ
...Happy Birth Day... ปราโมทย์ พลศักดิ์เดช
กิจกรรม
-ประเมินการประกันคุณภาพภายใน (12 มี.ค.56)
-ป.1-6 สอบปลายปี (13-15 มี.ค.56)
-กีฬาสีสัมพันธ์ชุมชน
(21-22 มี.ค.56)
-ปัจฉิมนิเทศและบายศรีสู่ขวัญ ( 26 มี.ค.56)
เก็บเรื่องราวมาเล่าบอก
..ว่าด้วยเรื่องภาษี...
สิ้นมีนาไปหมาดๆ คนไทยผู้มีเงินได้คงหนีไม่พ้นต้องเสียภาษีคืนให้กับรัฐ พี่น้องเพื่อนครูทุกท่านก็คงเช่นกัน
ส่วนจะมากหรือน้อยก็ตามอัตราที่กฎหมายกำหนดนะแหละ แต่ความรู้สึกที่จะควักสตังค์คืนแก่รัฐมันช่างอิหลักอิเหลื่อใจจริงๆ
เรียกว่าต้องหาทุกวิธี
เพื่อให้ได้จ่ายภาษีน้อยที่สุดหากคิดให้ดี รัฐจ่ายให้เราตั้งร้อยแต่ขอคืนแค่สิบเท่านั้นเอง..........
เงินเราเขาเอาไปไหน
ตามหลักการ ก็คือ รัฐนำเงินภาษีไปพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า
เนื่องจากรัฐมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อประชาชน จึงจำเป็นต้องมีรายได้ ซึ่งรายได้ที่สำคัญที่สุดก็คือภาษีอากรนั่นเอง ในปีงบประมาณ 2555 (ตุลาคม 2554 – กันยายน 2555)
รัฐจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,977,453 ล้านบาท สูงกว่าปี 2554 ร้อยละ 4.5 โดยมีรัฐบาลเป็นผู้บริหารเงินของรัฐ
ผ่านกระบวนการของรัฐสภา ประชาชนจึงมีสิทธิตรวจสอบการใช้เงินของรัฐได้อย่างชอบธรรม
ข่าวดีปีภาษี 2556
เมื่อธันวา 2555 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติมาตรการปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อส่งเสริมความเป็นธรรมและให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ โดยคาดหวังว่าจะสร้างความเป็นธรรมในการกระจายรายได้มากขึ้น และปิดช่องโหว่ในการหลีกเลี่ยงภาษี มาตรการนี้จะปรับปรุงบัญชีอัตราภาษีเงินได้จาก “5 ขั้นอัตรา” เป็น “7 ขั้นอัตรา” โดยจะใช้บังคับในปีภาษี 2556 ที่จะต้องยื่นรายการในปี 2557 เป็นต้นไปนั่นเอง ซึ่งมีผลกระทบดังนี้
1. รายได้สุทธิ 150,000 บาทแรก ได้รับการยกเว้นภาษีเหมือนเดิม ตามพระราชกฤษฎีกา ( ฉบับที่ 470 ) พ.ศ. 2551 2. รายได้สุทธิ 150,001-300,000 บาท จากเดิมเสียภาษี 10% ลดเหลือ 5%
3. รายได้สุทธิ 300,001-500,000 บาท เสียภาษี 10% เหมือนเดิม
4. รายได้สุทธิ 500,001-750,000 บาท จากเดิมเสียภาษี 20% ลดเหลือ 15%
5. รายได้สุทธิ 750,001-1,000,000 บาท เสียภาษี 20% ตามเดิม
6. รายได้สุทธิ 1,000,001-2,000,000 บาท จากเดิมเสียภาษี 30% ลดเหลือ 25%
7. รายได้สุทธิ 2,000,001-4,000,000 บาท เสียภาษี 30% ตามเดิม
8. รายได้สุทธิตั้งแต่ 4,000,000 บาท จากเดิมเสียภาษี 37%
ลดเหลือ 35%
บทส่งท้าย
รัฐเก็บภาษีอากรตามความสามารถที่แต่ละคนได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากรัฐมากหรือน้อย ผู้มีรายได้มากเสียภาษีมากกว่าผู้มีรายได้ปานกลางหรือผู้มีรายได้ต่ำอาจไม่เสียภาษีเลยก็ได้ เมื่อเมื่อรัฐเก็บภาษีอากรไปจากบุคคลผู้มีรายได้มาก เงินรายได้นั้นจะถูกนำไปใช้ในกิจการต่างๆ ที่จำเป็น ซึ่งจะส่งผลประโยชน์ถึงประชาชนโดยทั่วไป
รัฐเก็บภาษีอากรตามความสามารถที่แต่ละคนได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากรัฐมากหรือน้อย ผู้มีรายได้มากเสียภาษีมากกว่าผู้มีรายได้ปานกลางหรือผู้มีรายได้ต่ำอาจไม่เสียภาษีเลยก็ได้ เมื่อเมื่อรัฐเก็บภาษีอากรไปจากบุคคลผู้มีรายได้มาก เงินรายได้นั้นจะถูกนำไปใช้ในกิจการต่างๆ ที่จำเป็น ซึ่งจะส่งผลประโยชน์ถึงประชาชนโดยทั่วไป
หากเมื่อคืนเรานอนหลับสบายเคียงข้างครอบครัวที่เรารักโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและ
ตื่นตอนเช้าอย่างสดชื่น ก่อนที่จะขับรถไปบนถนนหนทางที่สะดวกสบายเพื่อไปทำงานตามปกติ
........การจ่ายภาษีในแต่ละปี ก็ไม่น่าเสียดายอะไรเลยนี่ครับ........
...คนเด่นประจำเดือน....
เด็กหญิงปวีณา แก้วงาม
น้องแอ๋ม
20 พฤษภาคม 2543
ตำแหน่ง
คณะกรรมการนักเรียน
ร.ร.รัฐราษฎร์พัฒนา
ความภูมิใจ เหรียญทอง ลำดับ 3
จากงานศิลปหัตถกรรมนักเรียนระดับเขต สพป.สร.3 รายการ โครงงานสุขภาพ
“เรียนให้สนุก คือความลับของคนเก่ง”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น