ทักทายกัน....ประสาพี่น้อง
กลางเดือนที่แล้ว ท่าน ผอ.เขต กฤษฎากร ชุติกุลกีรติ มาเยี่ยม ร.ร.ใน อ.ศรีณรงค์ และได้ฝากข้อคิดไว้เป็นแนวทางปฏิบัติงานราชการ ว่า “ ครูต้องมี 3 เต็ม คือ เต็มใจ เต็มความสามารถ เต็มเวลา” เป็นข้อคิดที่มีค่ายิ่ง
สำหรับ ร.ร. ของเรา เดือนที่ผ่านมานั้น นักเรียน ป.4-6 ได้ไปทัศนศึกษาที่ จ.อุบลราชธานี ต่อจากนั้นคณะครูของเราก็ได้ไปศึกษาดูงานศิลปหัตถกรรมนักเรียนภาคอีสาน ที่ จ.มหาสารคาม ซึ่งทำให้เกิดการเรียนรู้นอกห้องเรียน เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาการศึกษา ครับ
โบราณว่าไว้ หลังเมฆหมอกและพายุ ท้องฟ้าจะสดใส ก็ขอให้จริงดังว่า เพราะปลายปีที่แล้วประเทศไทยเราเจอวิกฤติหนัก ดังนั้นปีใหม่นี้ ฟ้าจะสดใส หัวใจก็เบิกบาน
........สุขสันต์วันปีใหม่ครับ......
ปราโมทย์ พลศักดิ์เดช
เก็บเรื่องราวมาเล่าบอก
.....อวยพรกันวันปีใหม่ (ปีมะโรง 2555) ........
ในอดีต วันขึ้นปีใหม่มีการเปลี่ยนแปลงมาแล้ว 4 ครั้ง โดยครั้งแรกถือเอาวันแรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ซึ่ง ตรงกับเดือนมกราคม ครั้งที่ 2 กำหนดให้วันขึ้นปีใหม่ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ตามคติพราหมณ์ ซึ่งตรงกับเดือนเมษายน การกำหนดวันขึ้นปีใหม่ใน 2 ครั้งนี้ ถือเอาทางจันทรคติเป็นหลัก ต่อมาได้ถือเอาทางสุริยคติแทน โดยกำหนดให้วันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ ตั้งแต่ พ.ศ. 2432 เป็นต้นมา
ในอดีต วันขึ้นปีใหม่มีการเปลี่ยนแปลงมาแล้ว 4 ครั้ง โดยครั้งแรกถือเอาวันแรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ซึ่ง ตรงกับเดือนมกราคม ครั้งที่ 2 กำหนดให้วันขึ้นปีใหม่ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ตามคติพราหมณ์ ซึ่งตรงกับเดือนเมษายน การกำหนดวันขึ้นปีใหม่ใน 2 ครั้งนี้ ถือเอาทางจันทรคติเป็นหลัก ต่อมาได้ถือเอาทางสุริยคติแทน โดยกำหนดให้วันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ ตั้งแต่ พ.ศ. 2432 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่โดยเฉพาะตามชนบทยังคงยึดถือเอาวันสงกรานต์เป็น วันขึ้นปีใหม่อยู่ ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย ทางราชการเห็นว่าวันขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน ไม่มีการรื่นเริงอะไรมากนัก สมควรที่จะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ จึงได้ประกาศให้มีงานรื่นเริงวันขึ้นปี ใหม่ ในวันที่ 1 เมษายน 2477 ขึ้นใน กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก
การจัดงานวันขึ้นปีใหม่ 1 เมษายน ได้แพร่หลายออกไปต่างจังหวัดในปีต่อๆ มา และในปี พ.ศ.2479 ก็ได้มีการ จัดงานรื่นเริงปีใหม่ทั่วทุกจังหวัด ในสมัยนั้นทางราชการเรียกว่า วันตรุษสงกรานต์
ต่อมาได้มีการพิจารณาเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยคณะรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการ มีหลวงวิจิตรวาทการ เป็นประธานกรรมการ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 1 มกราคม โดยกำหนดให้วันที่ 1 มกราคม 2484 เป็น วันขึ้นปีใหม่ และยึดเป็นแนวปฏิบัตินับแต่นั้นมา
กิจกรรมใน วันขึ้นปีใหม่
วันที่ 1 มกราคม ของทุกปี จะมีการทำบุญตักบาตรและอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ฟังเทศน์ ปล่อยปลา ปล่อยนก ส่งการ์ดบัตรอวยพร ให้ของขวัญซึ่งกันและกัน ไหว้ผู้ใหญ่เพื่อรับพร และสรงน้ำพระพุทธรูป ประดับธงชาติ ทำความสะอาดบ้านเรือน และพักผ่อนหย่อนใจกับครอบครัว
วันที่ 1 มกราคม ของทุกปี จะมีการทำบุญตักบาตรและอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ฟังเทศน์ ปล่อยปลา ปล่อยนก ส่งการ์ดบัตรอวยพร ให้ของขวัญซึ่งกันและกัน ไหว้ผู้ใหญ่เพื่อรับพร และสรงน้ำพระพุทธรูป ประดับธงชาติ ทำความสะอาดบ้านเรือน และพักผ่อนหย่อนใจกับครอบครัว
ปีใหม่ พ.ศ. 2555 นี้ กระผมขออนุญาตอัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 13 ของในหลวง แทนคำอวยพรให้พี่น้องเรา นะครับ
"พรปีใหม่" ( ธันวาคม พ.ศ. 2494 )
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ
สวัสดีวันปีใหม่พา ให้บรรดาเราท่านรื่นรมย์ ฤกษ์ยามดีเปรมปรีดิ์ชื่นชม ต่างสุขสมนิยมยินดี
ข้าวิงวอนขอพรจากฟ้า ให้บรรดาปวงท่านสุขศรี โปรดประทานพรโดยปรานี ให้ชาวไทยล้วนมีโชคชัย
ให้บรรดาปวงท่านสุขสันต์ ทุกวันทุกคืนชื่นชมให้สมฤทัย
ให้รุ่งเรืองในวันปีใหม่ ผองชาวไทยจงสวัสดี
ตลอดปีจงมีสุขใจ ตลอดไปนับแต่บัดนี้
ให้สิ้นทุกข์สุขเกษมเปรมปรีดิ์ สวัสดีวันปีใหม่เทอญ….
ให้บรรดาปวงท่านสุขสันต์ ทุกวันทุกคืนชื่นชมให้สมฤทัย
ให้รุ่งเรืองในวันปีใหม่ ผองชาวไทยจงสวัสดี
ตลอดปีจงมีสุขใจ ตลอดไปนับแต่บัดนี้
ให้สิ้นทุกข์สุขเกษมเปรมปรีดิ์ สวัสดีวันปีใหม่เทอญ….
ขอบคุณข้อมูล http://www.Banmaha.com