วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วารสาร19


ทักทายกัน....ประสาพี่น้อง
    พาเด็กๆไปเที่ยวตอนต้นเดือนที่สวนสัตว์โคราช ไปกันทั้งโรงเรียนตั้งแต่อนุบาล - ป.รวมทั้งครูและผู้ปกครองของนักเรียน ร่วมๆ 160 คน ใช้รถบัส 3 คัน สำหรับเด็กๆ นั้น สนุกสนานกันเต็มที่ ส่วนครูเรานั้นเหนื่อยเอาการเลยครับ แต่เป็นภาระงานที่ต้องทำ เพื่อพัฒนาเด็กๆของเรานั่นเอง
     ปิดท้ายเดือนด้วยบุญกฐินของวัดห้วยเสน ปีนี้จัดเป็นงานใหญ่ เพราะพี่น้องบ้านเราถือโอกาสทำบุญฉลองศาลาหลังใหม่ด้วย มีกิจกรรมหลายอย่างให้ร่วมบุญ โรงเรียนของเราก็พาเด็กๆ ไปศึกษาดูงาน และร่วมทำบุญอย่างมีความสุข ซึ่งบรรยากาศของงานวัดนั้นเต็มไปด้วยสีสันและความรื่นเริง ก็คงช่วยให้พี่น้องบ้านเราที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานได้เติมสุขให้ชีวิตเป็นอย่างดี  นะครับ
กิจกรรม
-ประชุมผู้ปกครองนักเรียน  (6 พ.ย.55)







-ทัศนศึกษาที่ จ.นครราชสีมา  (9 พ.ย. 55)









-เกี่ยวข้าวนาโรงเรียน (20 พ.ย. 55)










-รับประเมินเตรียมความพร้อมเทอม 2  (21 พ.ย. 55)







-งานบุญกฐินฉลองศาลา วัดห้วยเสน บ้านรัฐราษฎร์พัฒนา (25-28 พ.ย. 55)









เก็บเรื่องราวมาเล่าบอก
                   ... จดหมายถึงพ่อ  ...
                                                เขียนที่ท้องทุ่งนา จ.สุรินทร์
23  พ.ย. 2555
ถึงคุณพ่อที่รักและเคารพ
     เสียงปี่ซังข้าว ที่แหบพร่า ถูกกลืนกลบด้วยความอึกทึกของเครื่องยนต์รถเกี่ยวข้าวเมดอิน Japan กลางท้องทุ่ง
อีกฟากหนึ่ง ผู้จัดการนา กำลังสั่งการผ่านโทรศัพท์เมดอิน China เพื่อเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยว โดยให้เสร็จสิ้นภายในหนึ่งวันให้จงได้ ประหนึ่งว่า ถ้าหากเลยล่วงเวลาไปกว่านั้น จักต้องโทษประหารเจ็ดชั่วอายุคน
     ทุ่งรวงทองที่เคยอวดความงามล้อลมหนาวในอดีตหมดมนต์ขลังเสียแล้วกระมัง เพราะแม้แต่ไอ้ขวัญก็ยังทิ้งขลุ่ย หันไปเล่นกีตาร์ พานังเรียมซ้อนแมงกะไซค์มาเย้ยเจ้าทุยที่เล็มหญ้าน้ำตาคลออยู่ข้างทาง..โอ  อนิจจัง.....
     จะว่าคนอื่นไปทำไมเพราะแม้แต่ผมเองก็ยังโดนพ่อขับใสออกมาจากอาชีพชาวนา โดยยกเหตุผลนานาประการมาอ้าง ก็เอาเถอะ เพราะทางที่ผมเดินมานั้นมันไกลพอดู ไกลพออย่างที่พ่อหวังไว้หรือเปล่าก็ไม่รู้  ก็ถือว่าเป็นการแสวงหาความท้าทายใหม่ในชีวิต  แต่สำหรับผม ทุกครั้งที่ตักข้าวเข้าปาก ผมคิดถึงพ่อและพี่น้องชาวนาทุกคน
     แม่เล่าให้ผมฟังว่า ในช่วงที่ผมเกิดนั้น พ่อต้องทำนาคนเดียว 30 กว่าไร่
....หนึ่งรอบปีนั้นเริ่มด้วย ใช้ควายไถนา ถอนกล้าด้วยมือ แล้วปักดำด้วยมือ จนเสร็จสิ้น กระทั่งข้าวสุก ก็เกี่ยวข้าวทีละรวง แล้วมัดเป็นฟ่อน จึงขนฟ่อนมากองไว้บนลานเพื่อทุบข้าวให้เหลือแต่เมล็ด ปิดท้ายด้วยขนใส่เกวียนขึ้นยุ้งฉาง....
คนที่สูง 168 ซม. หนัก 60 กิโลกว่าๆ ไปเอาพละกำลังมาจากไหน แต่ละวัน แต่ละเดือนรวมเป็นปีที่ผ่านไป พ่อซ่อนความสุขไว้ที่ซอกมุมไหน เพราะเห็นพ่อยิ้ม และหัวเราะให้กับพวกเราเสมอในวงข้าวมื้อเย็น     เครื่องประทินผิวประเทืองโฉมเช่นทุกวันนี้ไม่มีโอกาสได้สัมผัสผิวพ่อ แต่พ่อรู้ไหมว่าเวลาที่แม่พูดถึงพ่อ แม่เขารักและภูมิใจในตัวพ่อมาก    ต่างจากสมัยนี้ที่เครื่องทำให้งามภายนอกเกลื่อนไปทั่ว แต่ผู้คนก็ไม่เห็นจะรักกันสักเท่าไร
        พ่อครับ ทุกวันนี้มีกลุ่ม มีองค์กร เยอะไปหมด มีทุกอาชีพ จุดหมายก็ว่าก่อตั้งเพื่อเราๆ นะแหละ  แต่เอาเข้าจริงๆ ชักไม่แน่ใจ แล้วละครับ  ผมก็เลยจัดตั้งสมาคมของตัวเองขึ้นมาบ้าง ชื่อว่า  ส.ลชมก. และขอมอบรางวัลให้พ่อเป็นรายแรก
สมาคมลูกหลานชาวนาที่ไม่ลืมกำพืด (ส.ลชมก.)ขอประกาศให้โลกทราบว่า นายทองดี  พลศักดิ์เดช ผ่านการประเมินการเป็นชาวนา ในระดับยอดเยี่ยม (สมาคมนี้เพิ่งก่อตั้ง ความเชื่อถือยังไม่มาก รอบแรกนี้ประเมินให้ฟรีก่อนนะ)
ดีใจด้วยนะพ่อ ในที่สุดก็มีโอกาสได้รับรางวัลกะเขาซักที  (ฮา)………..
     พ่อจำได้ไหมวันนี้เป็นวันที่พ่อจากพวกเราไป  เมื่อเช้าผมตื่นมาใส่บาตรแล้วและคิดว่าแม่ก็คงไม่พลาดเช่นกัน  เสียใจด้วยนะพ่อ ที่ไม่มีใครสร้างอนุสาวรีย์ให้กับคนธรรมดาสามัญอย่างเรา แต่ผมได้สร้างไว้แล้วละ ที่ที่กฎหมายไปไม่ถึง  ซึ่งมันอยู่ในใจของผมงัยครับ  นัยยะแห่งการใช้ชีวิตของพ่อทำให้รู้ว่า
ความสุขสบายไม่เคยจริงใจกับใคร มีเพียงความทุกข์ยากเท่านั้นที่สร้างคนจริง
     ในเทศกาลวันพ่อนี้ ผมขอใช้สิทธิ์ของความเป็นลูก  ปวารณาตนเองเพื่อการ ทำความดี และประกอบสัมมาอาชีพอย่างเต็มกำลัง
เช่นที่พ่อทำเป็นแบบอย่างไว้  เพื่อระลึกว่าเลือดของชาวนายังคงไหลเวียนอยู่ในร่างกายของผม  นั่นเอง
                                รักพ่อเสมอและตลอดไป
                                                ลูกชาย

ขอบคุณข้อมูล :   คุณแม่ฉาย  พลศักดิ์เดช


   ...แนะนำบุคลาก....
นางสมัย   จอกทอง      ไหม





26  กุมภาพันธ์  2515
ตำแหน่ง
ครูประจำศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.ณรงค์
สถานะ     นักศึกษาฝึกประสบการณ์
               
                             ณ วันนี้   ทำดีที่สุด

วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วารสาร18


ทักทายกัน....ประสาพี่น้อง
   ...พี่น้องเราได้พักรบกับพวกลิงทโมน กว่าครึ่งเดือนแล้วก็คงมีพลัง และมีแรงลุยงานสำหรับเทอมใหม่นี้นะครับ     ช่วง 10-11 ต.ค.55 ที่ผ่านมาอ.พนมดงรัก เป็นเจ้าภาพจัดการประกวดแข่งขันความเป็นเลิศทางวิชาการของ สพป.สร.3  ครู 7 คน เด็ก 6 คนใน 4 รายการที่เข้าแข่งขัน ได้มา 2 ทอง     1 เงิน  1 ทองแดง ได้เป็นตัวแทน 1 รายการ ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับโรงเรียนของเรา       อากาศที่แปรปรวนไปเรื่อยนั้น ทำให้หลายสิ่งอย่างรอบตัวเราเปลี่ยนไป  ตามทันบ้าง ไม่ทันก็มี  ถึงแม้ว่าอะไรๆ จะเปลี่ยนแปลงก็ตาม  แต่ขอให้สำนึกแห่งความเป็นครูของเรามั่นคง ก็เพียงพอแล้ว    ยินดีต้อนรับสู่ปีงบประมาณ 2556 ครับ
 ...ความกล้าหาญทางจริยธรรม (Moral Courage)...
      “ยิงเลยฉันมันก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนนึง  คือประโยคสุดท้ายในชีวิตของ เช เกบารา (Che Guevara)     ก่อนที่ทหารโบลิเวีย จะประหารชีวิตของเขา เมื่อ 9 ตุลา1967       นักปฏิวัติผู้ยอมละทิ้งความมั่งมีและฐานันดร จนได้รับยกย่องว่าเป็นคนที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกของศตวรรษนั้น  มีสิ่งใดที่ผลักดันให้เขาเป็นอย่างนั้น?
     ย้อนเวลาไป 300 ปีก่อนคริสตกาล   Socratesอมดื่มยาพิษเพื่ออุดมการณ์ของตนเอง  แต่เขาได้ทิ้งอภิปรัชญา                                                    อันยิ่งใหญ่ไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษา....
.....เสียงปืนที่ห้วยขาแข้ง เมื่อวันที่ 1 กันยา 2533  ได้ปลิดชีพ        สืบยศ  นาคะเสถียร  จากไป แต่ได้ก่อให้เกิดกระแสแห่งการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ที่เป็นรูปธรรมขึ้น
         แม้ยุคสมัยและผืนแผ่นดินเกิดจะต่างกัน  แต่ความหมายแห่งการมีชีวิตอยู่ ของวีรบุรุษเหล่านี้ ไม่ได้แตกต่างกัน คือ  เปี่ยมด้วยอุดมการณ์และกล้าหาญทางจริยธรรม
   พระมหาวุฒิชัย(ว.วชิรเมธี)  ได้ให้ความหมาย ความกล้าหาญทางจริยธรรมไว้สองระดับ คือ หนึ่ง รักในความเป็นธรรม ความถูกต้อง และความจริง    สอง ความกล้าที่จะทำในสิ่งที่เป็นธรรม ถูกต้องและดีงาม
       ในตัวตนคนเรานั้น ถ้าไม่แย่จริงๆ ผมคิดว่าทุกคนน่าจะมีและผ่านระดับที่หนึ่งได้ แต่ปัญหาอยู่ตรงที่คนส่วนใหญ่ก้าวข้ามผ่านระดับที่สองค่อนข้างยาก ด้วยสาเหตุหลายประการ เป็นต้นว่า เกรงจะเสียประโยชน์เสียสถานะตนเอง เกรงจะเข้าพวกเข้ากลุ่มไม่ได้  สังคมรอบด้านบีบคั้น ใครๆ ก็ทำทั้งนั้นแหละ   จึงสมยอมที่จะลอยไปตามกระแส    เมื่อจุดหมายที่แท้ของการจัดการศึกษา คือ สร้างคนให้เป็นคนโดยสมบูรณ์  แล้วคนที่สมบูรณ์นั้นเป็นอย่างไร เพียงอุดมคติหรือคำโกหกของนักการศึกษา เพราะปรัชญาการศึกษาไทยเวลานี้ไปบรรจบอยู่ที่การสนองกิเลส อัตตา หรือ ตัวกูของกู  ปรากฏการณ์แปลกๆ จึงเกิดขึ้นในสังคม อาทิ การยกพวกตีกันระหว่างสถาบัน การแก่งแย่งกันเข้าโรงเรียนดัง  นักศึกษาขายตัวเพื่อแลกเกรด       ครูอาจารย์คุกคามนักเรียนนักศึกษา เป็นต้น และเมื่อผ่านพ้นรั้วโรงเรียนมาแล้ว     ก็ยังพบเห็นความไม่เป็นธรรมระหว่างคนต่อคน อาชีพต่ออาชีพ สังคมต่อสังคม  
       หากปัจจุบันเป็นผลจากอดีต อนาคตก็ย่อมเป็นผลจากปัจจุบัน  พฤติกรรมของคนในปัจจุบัน ย่อมสะท้อนผลการจัดการศึกษาที่ผ่านมา ได้ชัดเจนที่สุด       ถ้าการจัดการศึกษายังย่ำอยู่อย่างนี้  เราน่าจะเห็นเค้าลางของอนาคตแล้วละ
       ตัดประเด็นเรื่องการกล่าวโทษสิ่งต่างๆ ออกไป เพราะหลายอย่างเราไม่สามารถจัดการได้ เราจะมีแนวทางในการสร้างความกล้าหาญทางจริยธรรมให้แก่นักเรียนของเราได้อย่างไรตอบยากนะครับ เพราะถ้าตอบได้ ผมคงทำFranchiseเพื่อแจกจ่ายให้ทุกโรงเรียนนำไปพัฒนานักเรียนของตนแล้ว (ฮา...)
     แต่ผมเชื่อว่า ต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน คือครูจะต้องมีความกล้าหาญทางจริยธรรมเพื่อเป็นตัวแบบให้กับเด็กๆ ในลักษณะร่วมเรียนรู้และจูงมือกันไป  ซึ่งนั่นจะทำให้องศาของอนาคตเบี่ยงไปยังทิศทางที่เราต้องการได้
เมล็ดข้าวที่เราหว่านลงดิน มิได้เกิดและเติบโตทุกเมล็ด  แต่มันจะต้องมีสักเมล็ดที่งอกงามได้
          กระบวนการสร้างคนก็เฉกเช่นเดียวกัน...........
ขอบคุณข้อมูล    
www.wikipedia.org. /www.mcu.ac.th
   ...แนะนำบุคลาก....
นางหนึ่งฤทัย  ศรีผดุง
ครูจิ๋ว
13  พฤษภาคม  2519
ตำแหน่ง
(รก.)หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.ณรงค์
สถานะ     นักศึกษาฝึกประสบการณ์
               
                             “ทำวันนี้   ให้ดีที่สุด