วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วารสารฉบับ26

ทักทายกัน....ประสาพี่น้อง
          ปลายเดือนที่ผ่านมา กิจกรรมทางวิชาการของเครือข่ายศรีณรงค์ 2 จัดขึ้นที่ รร.บ้านละมงค์  ทั้งครู  ทั้งเด็กและผู้ปกครอง ต่างทำหน้าที่อย่างแข็งขัน ถือเป็นการสร้างความร่วมมือทางวิชาการ อย่างดียิ่ง ครู 7  คน ส่งเด็ก  55  คน ใน  25 รายการ ได้มา  10 ทอง 11 เงิน 1 ทองแดง และเป็นตัวแทนไปแข่งที่ สพป.สร.3  จำนวน  รายการ ครับ
       ย้อนไปต้นเดือน สพป.สร.3 และ ม.ราชภัฏสุรินทร์ ได้ร่วมมือกันจัด โครงการแลกเป้าฯ ณ รร.เพชรเกษม จ.สุรินทร์  โดยอบรมให้แก่ ทีมนำ ทีมทำและทีมตาม  ผู้บริหารให้เป็นทีมทำ  ซึ่งมีกิจกรรมให้ผู้บริหารได้สะท้อนสภาพปัญหาในการบริหาร และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันเพื่อสร้าง Best Practice  ทั้งในระดับโรงเรียนและระดับเครือข่าย  ถือเป็นการประชุมที่น่าสนใจทีเดียว   คงเหมือนที่ ผอ.ทิศ ซ่อนจันทร์  ว่าไว้ การจัดการเรียนรู้ก็เหมือนการกินอาหารนะแหละ  แค่อาหารเดิมๆ แต่เปลี่ยนที่ หรือเปลี่ยนคนร่วมกินด้วย  ความอร่อยก็แตกต่างกัน   นับเป็นข้อที่น่าคิดมิใช่น้อยเลยละครับ........

                                                                             ปราโมทย์  พลศักดิ์เดช
-ลูกเสือทบทวนคำปฏิญาณและเดินสวนสนาม  (ก.ค.56)
-คณะครูและกรรมการสถานศึกษาร่วมต้อนรับครูบรรจุใหม่ นายก่อเกียรติ ศรีระเริญ  (ก.ค.56)
-ร่วมงานบวชลูกชาย ครูสุบิน  บุญล้อม  (ก.ค.56)
-ทำบุญเข้าพรรษา ที่วัดห้วยเสน  (19 ก.ค.56)
-ร่วมขบวนแห่เทียนกับหมู่บ้านของเราที่จัดโดย อบต.ณรงค์  (23 ก.ค. 56)
-แข่งวิชาการเครือข่าย 23 ที่ รร.บ้านละมงค์ ได้ไปเขต  3  รายการ
      -โปรแกรม  GSP    - A   Math   -จักสานไม้ไผ่    ( 25-26 ก.ค.56)

เก็บเรื่องราวมาเล่าบอก
....ANGELS AND DEMONS (ฉบับอีสาน).....
        ได้ฟังเรื่องราวอันพิลึกพิลั่นของหลวงพี่เวร เอ๊ย! เณรคำ แล้วก็พาลให้นึกถึงนวนิยาย ของ  Dan  Brown เรื่อง Angels and Demons  เป็นเรื่องราวอื้อฉาวของพระในสำนักวาติกันซึ่งคริสต์ศาสนิกชน คงไม่ปลื้มเท่าไรนัก  แต่ก็ต้องทำใจ
        พอปรากฏการณ์ของหลวงพี่เณร เสนอผ่านสื่อออกมา  ฝั่งชาวพุทธเราหลายๆ คนก็ขำไม่ออกเหมือนกัน   เพราะมันบาดหัวใจเหลือเกิน แต่ถ้าหากมองย้อนตามเส้นทางสายความเชื่อของชาวเราก็จะพบว่า เหตุการณ์เหล่านี้ได้เกิดอยู่ซ้ำๆ ต่างก็แต่ตัวแสดงและรายละเอียดเล็กน้อยเท่านั้น  คำถามสำคัญคือ ประชาชนไม่เข็ดหลาบกันหรืออย่างไรกับกลลวงมุขเดิมๆ แบบนี้ แต่คำถามที่สำคัญกว่าคำถามแรกก็คือ การจัดการศึกษาของบ้านเมืองเราไม่ได้ก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่ถูกต้องหรืออย่างไร  เพราะตัวแสดงเหล่านี้ต่างก็เป็นผลผลิตจากการศึกษาทั้งสิ้น  
           ปฏิรูปการศึกษารอบล่าสุด มุ่งให้คนไทยเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมีความรู้คู่คุณธรรม และอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างเป็นสุข   ถ้าจะว่ากันตามสาระและความงามของภาษาแล้วนั้น ถือว่าชวนฝันอย่างยิ่ง  แต่เราต้องยอม รับว่าสิ่งที่หล่อหลอมคนให้เป็นคนสักคนหนึ่ง มีปัจจัยมากมาย ทั้งที่ควบคุมได้และเกินกำลังควบคุม  เราในฐานะของนักการศึกษา จึงทำในส่วนที่ทำได้เท่านั้น   ซึ่งการทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเชื่อ ความศรัทธานั้น เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนยิ่ง
       ย้อนไปราว 2,600 ปีก่อน พระพุทธเจ้า ได้ตรัสแก่ชาวกาลามะ เกี่ยวกับหลักแห่งความเชื่อ 10 ประการ ไม่ให้เชื่องมงายไร้เหตุผล  ใน เกสปุตติสูตร  ดังนี้                                                                  
1. อย่าเพิ่งเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)                                            
2. อย่าเพิ่งเชื่อ ด้วยการถือสืบๆ กันมา (มา ปรมฺปราย)                                                            
3. อย่าเพิ่งเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)                                                                                                      
4. อย่าเพิ่งเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺ ปทาเนน)                     
5. อย่าเพิ่งเชื่อ เพราะตรรกะ (มา ตกฺกเหตุ)                                                             
6. อย่าเพิ่งเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)                                                                        
7. อย่าเพิ่งเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)                    
8. อย่าเพิ่งเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)              
9. อย่าเพิ่งเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)              
10.อย่าเพิ่งเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)       
ต่อเมื่อได้รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น 
       ณ  กาลนั้น พระพุทธองค์ ยอมสละบรรดาศักดิ์ ทิ้งราชสมบัติและจตุรวิมานอันเป็นโซ่ตรวนแห่งชีวิต มาสู่ มัชฌิมาปฏิปทา อันสง่างาม    แต่ในกาลนี้  สงฆ์ผู้สืบศาสนา กลับใฝ่หาบรรดาศักดิ์ สะสมทรัพย์สิน สร้างวัด ดุจวิมาน  ฉะนี้แล้ว          อีกไม่นานเกินรอ  หลวงพี่เณร’ 2…3…4…  คงจะเกิดขึ้นมาอีกอย่างแน่นอน .........ไม่เชื่อ  อย่าลบหลู่   ก็แล้วกัน  ?????   
ขอบคุณข้อมูล http://www.easyinsurance4u.com   http://www.google.co.th

  ...แนะนำบุคลากร
ชื่อ   นายก่อเกียรติ   สกุล  ศรีระเริญ
ชื่อเล่น   อัศน์
เกิด   13 พ.ค. 2526
วุฒิ   กศ.บ.ประถมศึกษา
ภูมิลำเนา   จ.ศรีสะเกษ
สถานะ
     ครูผู้ช่วย ร.ร.รัฐราษฎร์พัฒนา ผู้มีความหลงใหลในการเดินทางและไอซีที ผ่านงานประชาสัมพันธ์ และงานกิจการนักศึกษาของ ม.มส. และยังเป็นนักการตลาดในแวดวงธุรกิจระดับอาเซียน มาก่อน
Take  it  easy ”