วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วารสารฉบับที่29

                                                        อาลัย...สมเด็จพระสังฆราช
 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก  สิ้นพระชนม์ลงในค่ำวันที่ 24 ต.ค.56  ที่ผ่านมา  ยังความเสียใจแก่พุทธศาสนิกชนชาวไทย เป็นยิ่งนัก โดยสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศให้สถานที่ราชการลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา 3 วัน
และให้ไว้ทุกข์เป็นเวลา  30 วัน นับจาก 25 ต.ค.- 23 พ.ย. 56
         ว่ากันว่า มีเรื่องแปลกแต่จริงเกี่ยวกับท่าน คือ สมเด็จพระสังฆราช ท่านเกิด พ.ศ. 2456  วันที่ท่านสิ้นพระชนม์ คือ วันที่  24 พ.ศ. 56
เทียบเป็น ค.ศ. คือ 1913 เวลาที่ท่านสิ้นพระชนม์จริง คือ 19.13 น.
อายุท่าน คือ 100 ปี กับ 21 วัน โดยวันที่ท่านได้รับตำแหน่งพระสังฆราช ตรงกับวันที่  21 เช่นกัน นับเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ยิ่ง

         ในนามของโรงเรียนรัฐราษฎร์พัฒนา  ข้าพเจ้าขอร่วมจิตอธิษฐานถวายพระพร  กราบขอขมาและขอโมทนากุศล ด้วยธรรมอันประเสริฐ เทอญ

กิจกรรมในรอบเดือน
-นักเรียนสอบกลางปี  (3-4  ต.ค.56)
-ผอ.ปราโมทย์ ร่วมงานแซนโฎนตา  ที่ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์  (3 ต.ค.56)
-รับการประเมิน รร.เศรษฐกิจพอเพียง  (10  ต.ค.56)
-ครูสุมลเทียน  ประไวย์ประเมินครูชำนาญการ ( 10 ต.ค.56)
-ผอ.ปราโมทย์ เข้าอบรม หลักสูตรผู้ช่วยผู้ฝึกลูกเสือ  A.L.T.C.(วู้ดแบดจ์ 3 ท่อน) ณ รร.โสตศึกษาฯ (12-18 ต.ค.56)

เก็บเรื่องราวมาเล่าบอก
            .......เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว.........
            วลีอันไพเราะข้างต้นนี้ เป็นการตีความในแง่ของธรรมชาติ ความหมาย คือ “การทำลายธรรมชาติแม้เพียงเล็กน้อย อาจส่งผลกระทบมากมายตั้งแต่โลกจนถึงดวงดาว” เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันซับซ้อนของทุกสิ่งซึ่งมีผลกระทบต่อกัน
     ฝรั่งตะวันตกก็มีความเชื่อคล้ายกันนี้ ตามทฤษฎีไร้ระเบียบ "cha-os  theory " ซึ่งเราคุ้นเคยกันในชื่อ  “butterfly effect” ที่ว่า  When a butterfly flapping  its wings in Brazil could cause a tornado in Texas.
      ชาวจีนโบราณก็เชื่อลักษณะนี้เช่นกัน โดยมีคำสอนว่า  เนื่องจากตะปูตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งหลุดหายไป เกือกม้าจึงหลุดหาย  เมื่อเกือกม้าหลุดหาย  ม้าจึงเสียหลัก  เมื่อม้าเสียหลัก  ขุนพลจึงตกม้า  เมื่อขุนพลตกม้า  การสู้รบจึงพ่ายแพ้  และเมื่อการสู้รบพ่ายแพ้  เราจึงเสียชาติไป                        
     แม้แต่พระพุทธศาสนาก็ยังกล่าวถึง อิทัปปัจจยตา  นั่นคือ สรรพสิ่งทั้งปวงย่อมมีความเกี่ยวเนื่องและอิงอาศัยกัน
           เช่นนี้แล้ว  จึงเป็นการสะท้อนให้เราได้รู้จักคิดอย่างรอบคอบและระมัด- ระวังก่อนที่จะลงมือทำสิ่งใดๆ  ซึ่งต้องคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นในภาพรวมทั้งในปัจจุบันและอนาคตข้างหน้าด้วย
         ในการจัดการศึกษาของเราก็เช่นเดียวกัน กระบวนการเรียนรู้ของนักเรียนเกิดขึ้นทุกขณะดุจผีเสื้อกระพือปีก  เราจะทำอย่างไรเพื่อให้ทุกขณะนั้นมีคุณค่าและเกิดประโยชน์สูงที่สุด  ภาระหนักอึ้งนี้กดทับลงมาบนบ่าทั้งสองของพี่น้อง
ครูเราทุกคน  แต่กระแสสังคมในโลกไร้พรมแดนก็มีรูรั่วมากมายที่จะทำให้เด็กๆ ของเราหลงทางจนอาจกลายเป็นหลงผิดได้  ขอให้เราได้ถนอมดอกไม้แต่ละดอกที่อยู่ในมือของเรา  ให้ได้เบ่งบานอวดความงามของไม้นานาพรรณเพื่อช่วยจรรโลงสังคมของเราให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป
                ความทรงจำวัยเด็ก เมื่อครั้งเรียนชั้นประถมในโรงเรียนที่ห่างไกลแถบทุ่งกุลา แม้จะผ่านมากว่า 30 ปีแล้ว  แต่ภาพนั้นก็ยังตรึงใจอยู่ไม่คลาย เป็นภาพที่เด็กชายตัวผอมดำคนหนึ่งสวมใส่เสื้อผ้าเย็บมือ กระดุมหลุดหายสองเม็ด กางเกงซิปแตกจากกิจกรรมอันโลดโผนประสาวัยเยาว์  ยืนยอมรับความผิดต่อหน้าครูประจำชั้น แต่ ไม่มีคำด่าทอและดูแคลน ในความเขลากับสภาพอันแร้นแค้นนั้น      มีเพียงรอยยิ้มและเสียงถอนหายใจเบาๆ  จากนั้นครูก็เย็บกระดุมและซ่อมซิปให้นั่นคือ การสอน ที่ลึกยิ่งกว่า คำสั่งสอน เพราะกาลเวลามิอาจลบเลือนได้เลย         “แม่ครู”คนนั้นคือคุณครูสุวิมล  กิมาวหา ซึ่งครูไม่ได้มีปริญญาเอกอุ มาจากที่ใด แต่ภาษากายของท่านได้แสดงพลังแห่งความเป็นครูอย่างแจ่มชัด   เมื่อมองย้อนมาที่ เราๆ ท่านๆ ซึ่งมีปริญญาและใบประกาศนานาที่แทบจะเอามาทำฝาบ้านได้    เคยมีสักครั้งไหม ที่อยากเย็บกระดุม ซ่อมซิปและโอบไหล่ไอ้เด็กหัวดื้อตัวเหม็นขี้มูกโป่งที่แทบจะมองไม่เห็นอนาคตอันใด
        ในอีก 10-20 ปี ข้างหน้า  หากจะมีลูกศิษย์สักคนที่ระลึกถึงเราด้วยความรักก็เป็นอีกอารมณ์ที่น่าสนใจนะครับ
       ท่านจะทิ้งหรือใช้มันก็แล้วแต่เพราะโอกาส.....อยู่ในมือท่านแล้ว

ขอบคุณข้อมูล :  

....เสมา  ฮาเฮ ....

ตอน    สู่อาเซียน
      ขณะที่ครูสาวกำลังก้มหน้าก้มตาตรวจงานเด็กอยู่นั้น
นักเรียน:  ครูคะ ด.ช.แดง เขาพูดฝรั่งใส่หนูค่ะ   
ครูสาว:  ดีมาก  ครูขอชมเชย ด.ช.แดง นะคะ ที่ทันสมัยรู้จักใช้ภาษาอาเซียนสื่อสารกับเพื่อน ?!?
นักเรียน:  แต่เม็ดฝรั่งยังติดเต็มหน้าหนูอยู่เลย นะคะครู
ครูสาว:   ?????!!!?????

(พูด เป็นภาษาอีสาน หมายถึง ถ่มหรือพ่นของออกจากปาก)