วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2556

เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ ผอ.ปราโมทย์ พลศักดิ์เดช


ชื่อเรื่อง          :    รายงานการประเมินโครงการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
                             โรงเรียนรัฐราษฎร์พัฒนา  ปีการศึกษา 2555
ชื่อผู้ประเมิน  :    นายปราโมทย์  พลศักดิ์เดช
หน่วยงาน      :    โรงเรียนรัฐราษฎร์พัฒนา  สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 3
ปี พ.ศ.            :    2556

บทคัดย่อ
               การประเมินโครงการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โรงเรียนรัฐราษฎร์-พัฒนา  ปีการศึกษา 2555  ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ทั่วไปเพื่อประเมินโครงการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โรงเรียนรัฐราษฎร์พัฒนา ปีการศึกษา  2555  และมีวัตถุประสงค์เฉพาะเพื่อประเมินสภาพแวดล้อม  (Context)  ความพร้อมด้านปัจจัยนำเข้าหรือทรัพยากร (Input) กระบวนการดำเนินงาน (Process) และผลผลิต (Product) ของโครงการ โดยใช้รูปแบบจำลองซิป   (CIPP Model)   เป็นแนวทางในการประเมิน
               กลุ่มตัวอย่างในการประเมิน จำนวน  87  คน ประกอบด้วย  ครู  นักเรียน  ผู้ปกครองนักเรียนและกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยครู จำนวน  8  คนและกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 7  คน ได้จากวิธีการสำมะโน  (Census)  ซึ่งเป็นการเก็บข้อมูลจากทุกหน่วยของประชากร สำหรับนักเรียน จำนวน 21  คน และผู้ปกครอง จำนวน  51  คน ได้จากการสุ่มแบ่งชั้นภูมิ (Stratified Sampling)
                เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน  ประกอบด้วยแบบสอบถาม  จำนวน  2  ฉบับ  ได้แก่
ฉบับที่  1  แบบสอบถามความคิดเห็นของครูและกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน  เพื่อประเมินความเหมาะสม  ความเพียงพอ  และการดำเนินงานของโครงการ ด้านสภาพแวดล้อม  ด้านปัจจัยนำเข้า  และด้านกระบวนการ 
ฉบับที่  2  แบบสอบถามความคิดเห็นของครู  นักเรียน  กรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและผู้ปกครองนักเรียน  เพื่อประเมินความพึงพอใจด้านผลผลิตของโครงการ โดยแบบสอบถามทั้ง  2  ฉบับ  ผู้ประเมินได้สร้างและหาคุณภาพ  มีค่าความเที่ยง  0.92  และ  0.95  ตามลำดับ
               การวิเคราะห์ข้อมูลใช้โปรแกรมสำเร็จรูป  SPSS for Windows เพื่อหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
               สรุปผลการประเมิน
                      1.  ด้านสภาพแวดล้อม  (Context)   พบว่า หลักการ วัตถุประสงค์ และเป้าหมายของโครงการ ทั้งโดยรวมและรายประเด็นย่อยมีความเหมาะสมอยู่ในระดับเหมาะสมดีแล้ว
                      2.  ด้านปัจจัยนำเข้า  (Input)   พบว่า บุคลากร วัสดุอุปกรณ์ และงบประมาณโดยรวม
มีความเพียงพออยู่ในระดับเพียงพอดีแล้ว เมื่อพิจารณารายประเด็นย่อย บุคลากรมีความเพียงพออยู่ในระดับเพียงพอดีแล้ว ส่วนวัสดุอุปกรณ์ และงบประมาณมีความเพียงพออยู่ในระดับต้องปรับปรุง
                      3.  ด้านกระบวนการ  (Process)   พบว่า การดำเนินงาน กิจกรรมและการประเมินผล         ทั้งโดยรวมและรายประเด็นย่อยมีการดำเนินงานอยู่ในระดับดำเนินงานดีแล้ว  
                      4.  ด้านผลผลิต  (Product)  พบว่า ผลผลิตจากโครงการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับพึงพอใจ ดีแล้ว   

วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556

วารสารฉบับที่23


ทักทายกัน....ประสาพี่น้อง
      ผลการสอบ O-NET  ของเด็กๆ ถือเป็นกระจกเงาอย่างดีที่สะท้อนการทำงานของครูเรา  หากมองในแง่ของการพัฒนาเราจะพบว่ามีความท้าทายรออยู่และยังมีหลายอย่างที่จะต้องทำเพื่อพัฒนาเด็กๆ ของเราต่อไป
         รร.รัฐราษฎร์พัฒนา มีคะแนนเฉลี่ย  O-NET (ป.6) 43.71  อยู่อันดับ 2 ของเครือข่าย อันดับ 3 ของอำเภอและอันดับ 76 ของ สพป.สร.3 ต้องขอบคุณคณะครูที่ตั้งใจสอนอย่างเต็มที่และขอบใจนักเรียนที่ทำหน้าที่ของตนอย่างดี
        เวียนมาครบปีที่สามแล้วครับ สำหรับวารสารของเรา รบกวนสายตาท่านมาทุกเดือน ผลาญงบหลวงไปก็ไม่น้อย ได้แต่คิดเข้าข้างตัวเองว่าทำงานเพื่อให้เกิดงาน ครับ

     ...Happy Birth Day...      ปราโมทย์  พลศักดิ์เดช
กิจกรรม
-ประเมินการประกันคุณภาพภายใน   (12 มี.ค.56)
-ป.1-6  สอบปลายปี (13-15 มี.ค.56)
-กีฬาสีสัมพันธ์ชุมชน (21-22 มี.ค.56)
-ปัจฉิมนิเทศและบายศรีสู่ขวัญ ( 26 มี.ค.56)
เก็บเรื่องราวมาเล่าบอก
..ว่าด้วยเรื่องภาษี...
       สิ้นมีนาไปหมาดๆ คนไทยผู้มีเงินได้คงหนีไม่พ้นต้องเสียภาษีคืนให้กับรัฐ  พี่น้องเพื่อนครูทุกท่านก็คงเช่นกัน ส่วนจะมากหรือน้อยก็ตามอัตราที่กฎหมายกำหนดนะแหละ แต่ความรู้สึกที่จะควักสตังค์คืนแก่รัฐมันช่างอิหลักอิเหลื่อใจจริงๆ เรียกว่าต้องหาทุกวิธี
เพื่อให้ได้จ่ายภาษีน้อยที่สุดหากคิดให้ดี  รัฐจ่ายให้เราตั้งร้อยแต่ขอคืนแค่สิบเท่านั้นเอง..........
         เงินเราเขาเอาไปไหน                                                               
       ตามหลักการ ก็คือ รัฐนำเงินภาษีไปพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า เนื่องจากรัฐมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อประชาชน จึงจำเป็นต้องมีรายได้ ซึ่งรายได้ที่สำคัญที่สุดก็คือภาษีอากรนั่นเอง  ในปีงบประมาณ 2555 (ตุลาคม 2554 – กันยายน 2555) รัฐจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,977,453  ล้านบาท สูงกว่าปี 2554 ร้อยละ 4.5  โดยมีรัฐบาลเป็นผู้บริหารเงินของรัฐ ผ่านกระบวนการของรัฐสภา ประชาชนจึงมีสิทธิตรวจสอบการใช้เงินของรัฐได้อย่างชอบธรรม

          ข่าวดีปีภาษี 2556                                                                                               

        เมื่อธันวา 2555 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติมาตรการปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อส่งเสริมความเป็นธรรมและให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ โดยคาดหวังว่าจะสร้างความเป็นธรรมในการกระจายรายได้มากขึ้น และปิดช่องโหว่ในการหลีกเลี่ยงภาษี   มาตรการนี้จะปรับปรุงบัญชีอัตราภาษีเงินได้จาก “5 ขั้นอัตรา เป็น “7 ขั้นอัตรา โดยจะใช้บังคับในปีภาษี 2556 ที่จะต้องยื่นรายการในปี 2557 เป็นต้นไปนั่นเอง  ซึ่งมีผลกระทบดังนี้                                                 

1. รายได้สุทธิ 150,000 บาทแรก ได้รับการยกเว้นภาษีเหมือนเดิม ตามพระราชกฤษฎีกา ( ฉบับที่ 470 ) พ.ศ. 2551                                                                                        2. รายได้สุทธิ 150,001-300,000 บาท จากเดิมเสียภาษี 10%  ลดเหลือ 5%                                  

3. รายได้สุทธิ 300,001-500,000 บาท เสียภาษี 10% เหมือนเดิม                                         

4. รายได้สุทธิ 500,001-750,000 บาท จากเดิมเสียภาษี 20% ลดเหลือ 15%                                   

5. รายได้สุทธิ 750,001-1,000,000 บาท เสียภาษี 20% ตามเดิม                                       

6. รายได้สุทธิ 1,000,001-2,000,000 บาท จากเดิมเสียภาษี 30% ลดเหลือ 25%                         

7. รายได้สุทธิ 2,000,001-4,000,000 บาท เสียภาษี 30% ตามเดิม                                 

8. รายได้สุทธิตั้งแต่ 4,000,000 บาท จากเดิมเสียภาษี 37% ลดเหลือ 35%

        บทส่งท้าย
       รัฐเก็บภาษีอากรตามความสามารถที่แต่ละคนได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากรัฐมากหรือน้อย     
ผู้มีรายได้มากเสียภาษีมากกว่าผู้มีรายได้ปานกลางหรือผู้มีรายได้ต่ำอาจไม่เสียภาษีเลยก็ได้   เมื่อเมื่อรัฐเก็บภาษีอากรไปจากบุคคลผู้มีรายได้มาก  เงินรายได้นั้นจะถูกนำไปใช้ในกิจการต่างๆ ที่จำเป็น   ซึ่งจะส่งผลประโยชน์ถึงประชาชนโดยทั่วไป
        หากเมื่อคืนเรานอนหลับสบายเคียงข้างครอบครัวที่เรารักโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและ ตื่นตอนเช้าอย่างสดชื่น  ก่อนที่จะขับรถไปบนถนนหนทางที่สะดวกสบายเพื่อไปทำงานตามปกติ
........การจ่ายภาษีในแต่ละปี  ก็ไม่น่าเสียดายอะไรเลยนี่ครับ........
ขอบคุณข้อมูล    http://www.thai-aec.com,  www. thaipublica.org
...คนเด่นประจำเดือน....

เด็กหญิงปวีณา  แก้วงาม
น้องแอ๋ม
20  พฤษภาคม 2543
ตำแหน่ง
คณะกรรมการนักเรียน
ร.ร.รัฐราษฎร์พัฒนา
ความภูมิใจ  เหรียญทอง ลำดับ 3 จากงานศิลปหัตถกรรมนักเรียนระดับเขต สพป.สร.รายการ โครงงานสุขภาพ          

           เรียนให้สนุก คือความลับของคนเก่ง