วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วารสารฉบับที่ 14


                                            ทักทายกัน....ประสาพี่น้อง
                                     .....สะวีดัด  สวัสดี  นะพี่น้อง
                                       แม่ขอร้อง  กรุณา  อย่าหมั่นไส้
                                  แค่ขอคุย  เป็นคำกลอน  ย้อนยุคไป 
                                        เหมือนสมัย  สุนทรภู่  ครูกวี.....
เดือนนี้หนอ ศ.ร.ร.แสนจะสุข   มีกิจกรรมให้ลุยบุกอย่างเต็มที่
ทำตรงนั้นเดี๋ยวตรงโน้นเสร็จตรงนี้   วันก็เคลื่อนเดือนก็หนีไปอีกครา
เหลือบแลมองนักการเมืองสุดจะเศร้า   อยากกำเอาก้อน(...)ไปบี้หน้า
จรรยาบรรณมรรยาทขาดเป็นวา  ไม่อายคนก็อาย(...)มั่งปะไร
ห่วงแสนห่วงครูเราหลายๆท่าน สอนเต็มที่ตอนกลางวันไม่เคยหน่าย
พอตกดึกต้องอดนอนเชียร์บอลไป  ขออย่าให้แพ้ภัยบอลยูโรฯ
อีกห่วงหนึ่งคือน้ำฝนที่บนฟ้า   สงสัยท่านเทวดาแกล้งโมโห
จุดบั้งไฟยังหายมิดปิดเบอร์โทร   ทิ้งต้นข้าวร้องไห้โฮหลงฤดู
ว่ากันไปตามเรื่องราวเท่าที่มี    ด้วยความรักและหวังดีที่มีอยู่
กลั่นมาจากจิตวิญญาณความเป็นครู  เลือดนักสู้ลูกอีสานบ้านเซราะกราว
กิจกรรม
-ทำบุญวันวิสาขบูชา (1 มิ.ย.55)
กิจกรรมไหว้ครู   (7 มิ.ย.55)
-ช่วยกันหว่านข้าว ในนาของเรา (8 มิ.ย.55)
-ร่วมงานบุญบั้งไฟของหมู่บ้าน (16 มิ.ย.55)
- ป.6 ร่วมอบรมต้านยาเสพติดกับอบต.ณรงค์ (18-22 มิ.ย.55)
-กิจกรรมในวันสุนทรภู่ (26 มิ.ย.55)
แนะนำบุคลากร
ชื่อ    นายประเสริฐ     สกุล  แก้วงาม      ชื่อเรียก  ลุงเสริฐ

     สถานะ
     รองประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของ    ร.ร.รัฐราษฎร์พัฒนา ท่านมีความสามารถด้านการทำเกษตรปลอดสารพิษ และยังเป็นบุคคลสำคัญในการพัฒนาชุมชนถือว่าท่านเป็นปราชญ์ท้องถิ่นและเป็นครูภูมิปัญญาของเรา
 เมื่อกางแขนออกไปจนสุด นั่นแหละคือพื้นที่ของเรา    
จงรับผิดชอบ และทำอย่างดีที่สุด

เก็บเรื่องราวมาเล่าบอก
                  ........วันลูกเสือไทย.........
        พ.ศ.2454  ร.6 ทรงมีพระบรมราชโองการจัดตั้งกองลูกเสือขึ้นในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่ 3 ของโลก ต่อจากสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ และทรงกำหนดให้ วันที่ 1 กรกฎาคมของทุกปีเป็น "วันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ" หรือ "วันลูกเสือ"
           กฎหมายลูกเสือ  (ฉบับที่ 5)
     กิจการลูกเสือ ดำเนินตาม พระราชบัญญัติลูกเสือพ.ศ. 2551  มี  74 มาตรา  มีเนื้อหาที่น่าสนใจ  กล่าวคือ   บรรดาลูกเสือทั้งปวงขึ้นตรงต่อคณะลูกเสือแห่งชาติ โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาลูกเสือ  ดังต่อไปนี้
1. ให้มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟัง และพึ่งตนเอง
2. ให้ซื่อสัตย์สุจริต มีระเบียบวินัยและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
3. ให้รู้จักบำเพ็ญตนเพื่อสาธารณประโยชน์
4. ให้รู้จักทำการฝีมือ และฝึกฝนให้ทำกิจการต่างๆ ตามความเหมาะสม
5. ให้รู้จักรักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม และความมั่นคงของชาติ
     ให้มีสภาลูกเสือไทย  มี นายกรัฐมนตรี เป็นสภานายก
     ให้มีคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ มี รมต.ศึกษาธิการ เป็นประธาน
     ให้มีคณะกรรมการลูกเสือจังหวัด มี ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน
     ให้มีคณะกรรมการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา มี ผอ.สพท. เป็นประธาน
     ให้มีตำแหน่งผู้บังคับบัญชาลูกเสือมีลำดับ ดังต่อไปนี้
    1. ผู้อำนวยการใหญ่ ให้ รมต.ศึกษาธิการ เป็นผู้อำนวยการใหญ่
    2.รองผู้อำนวยการใหญ่                       3. ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่
    4. ผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัด              5. รองผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัด
    6. ผู้ช่วยผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัด   7. ผู้อำนวยการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา
    8.รองผู้อำนวยการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา
    9. ผู้อำนวยการลูกเสือโรงเรียน           10.รองผู้อำนวยการลูกเสือโรงเรียน
    11. ผู้กำกับกลุ่มลูกเสือ                        12.รองผู้กำกับกลุ่มลูกเสือ  
    13. ผู้กำกับกองลูกเสือ                         14.รองผู้กำกับกองลูกเสือ   
    15.นายหมู่ลูกเสือ                               16.รองนายหมู่ลูกเสือ
          ผู้ใดแต่งเครื่องแบบลูกเสือ หรือประดับเครื่องหมายลูกเสือโดยไม่มีสิทธิ หรือแต่งกายเลียนแบบลูกเสือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
           ผู้ใดทำปลอมเข็มลูกเสือสมนาคุณ หรือเข็มลูกเสือบำเพ็ญประโยชน์ด้วยวิธีใดๆ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
                บทส่งท้าย
           ผ่าน 100 ปี มาหมาดๆ สำหรับกิจการลูกเสือไทย ก็ยังคงดำเนินไปแบบเรื่อยๆ เชื่อว่าทุกโรงเรียนจะต้องจัดกิจกรรมลูกเสือเพื่อฝึกให้เด็กๆของเราได้พัฒนาคุณลักษณะตามวัตถุประสงค์ ข้างต้น ส่วนพี่น้องเรา  ผมขอฝากคำขวัญของลูกเสือ ที่ในหลวง ร.6 ทรงพระราชทานไว้ว่า "เสียชีพอย่าเสียสัตย์เพื่อเป็นข้อเตือนใจในการทำงาน  นะครับ

ขอบคุณข้อมูล :  www.tlcthai.com และ www.thailandlawyercenter.com